ปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ และสรีรวิทยา2 ภาควิชาเภสัชศาสตร์และสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย2

สมัครงานเภสัชเครื่องสำอาง

บริษัท เชสเต้ (ประเทศไทย) จำกัด
ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและขายสมุนไพรเปลี่ยนสีผมและบำรุงศรีษะ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีตัวแทนขายทั่วประเทศ กำลังต้องการผู้มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมงานในตำแหน่งต่างๆ ดังต่อไปนี้



เภสัช ด้านเครื่องสำอาง
ชื่อตำแหน่ง : เภสัช ด้านเครื่องสำอาง
คุณสมบัติผู้สมัคร : •• วุฒิ ปริญญาตรี สาขาที่เกี่ยวข้อง
• มีความละเอียดรอบคอบ
ลักษณะงาน : งานประจำ
สถานที่ปฎิบัติงาน : สมุทรปราการ
จำนวนที่รับ : 10
เงินเดือน : ไม่ระบุ
สวัสดิการ : ไม่ได้ระบุ
วิธีการสมัคร : สนใจติดต่อได้ที่
ติดต่อ : คุณพงศ์วณัฐ


สมัครงานเภสัช

บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด
อยู่ในกลุ่มบริษัท A.S. Watson ผู้ค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพและความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและยุโรป ต้องการรับสมัครพนักงานเข้าร่วมงานในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้



เภสัชกร
ชื่อตำแหน่ง : เภสัชกร
คุณสมบัติผู้สมัคร : •• วุฒิ ปริญญาตรี เภสัชศาสตร์ มีใบประกอบวิชาชีพเภสัชศาสตร์
• มีใจรักในงานบริการ มีบุคลิกภาพดี อายุไม่เกิน 30 ปี • สามารถทำงานตามตารางงานที่กำหนดได้ • สามารถสื่อสารเป็นภษาอังกฤษและใช้คอมพิวเตอร์ได้ดี • หากมีประสบการณ์การทำงานร้านยา หรือโรงพยาบาลจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
ลักษณะงาน : งานประจำ
สถานที่ปฎิบัติงาน : กรุงเทพมหานคร
เงินเดือน : ไม่ระบุ
สวัสดิการ : ไม่ได้ระบุ
วิธีการสมัคร : ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่
ติดต่อ : ศูนย์สรรหาว่าจ้างและฝึกอบรม/ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล

พิษวิทยา


พิษวิทยา
(จาก ภาษากรีก คำ τοξικός -- toxicos"พิษ"และโลโก้) เป็นสาขาของชีววิทยาและยาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาผลกระทบของ สารเคมี ในสิ่งมีชีวิต เป็นอาการของการศึกษากลไกการรักษาและ การตรวจหา สารพิษ โดยเฉพาะคนที่เป็นพิษของ

ประวัติ


Lithograph of Mathieu Orfila พิมพ์หิน ของ Mathieu Orfila See also: History of poison See also : ประวัติความเป็นมาของยาพิษ
Dioscorides , a Greek physician in the court of the Roman emperor Nero, made the first attempt to classify plants according to their toxic and therapeutic effects. Ibn Wahshiya wrote the Book on Poisons in the 9th or 10th century. Dioscorides , แพทย์กรีกใน Nero ศาลของโรมันจักรพรรดิทำครั้งแรกเพื่อจำแนกตามพืชพิษและการรักษาได้ Ibn Wahshiya wrote ศตวรรษ Book on พิษ 10 ที่ 9 หรือใน

Mathieu Orfila is considered to be the modern father of toxicology, having given the subject its first formal treatment in 1813 in his Traité des poisons , also called Toxicologie générale . Mathieu Orfila ถือว่าเป็นพ่อที่ทันสมัยของพิษวิทยา, มีการกำหนดเรื่องการรักษาอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน 1813 ใน des พิษ Traité เขาเรียกว่า Generale Toxicologie

In 1850 Jean Stas gave the evidence that the Belgian Count Hypolyte Visart de Bocarmé killed his brother-in-law by poisoning with nicotine ใน 1850 Jean Stas ให้กับหลักฐานที่เบลเยียมครั้ง Hypolyte Visart de Bocarmé ฆ่าน้องชายของเขา - in - กฎหมายโดยพิษ นิโคติน
Theophrastus Phillipus Auroleus Bombastus von Hohenheim (1493–1541) (also referred to as Paracelsus , from his belief that his studies were above or beyond the work of Celsus - a Roman physician from the first century) is also considered "the father" of toxicology. He is credited with the classic toxicology maxim, " Alle Dinge sind Gift und nichts ist ohne Gift; allein die Dosis macht, dass ein Ding kein Gift ist. " Theophrastus Phillipus Auroleus Bombastus von Hohenheim (1493-1541) (ยังเรียกว่า Paracelsus จากความเชื่อของเขาที่เขามีการศึกษาสูงกว่าหรือเกินกว่าการทำงาน Celsus -- แพทย์โรมันตั้งแต่ศตวรรษแรก) ถือว่ายัง"พ่อ"ของพิษวิทยา เขาหลักพิษวิทยาเครดิตคลาสสิค"Alle Dinge sind Gift nichts und ist Gift ohne; Dosis macht die allein, dass ein Ding ist kein Gift. which translates as, "All things are poison and nothing is without poison; only the dose makes a thing not a poison." ซึ่งแปลว่า"ทุกสิ่งเป็นพิษและไม่มีอะไรที่ไม่มีพิษ; เท่านั้นขนาดทำให้สิ่งที่ไม่เป็นพิษ. This is often condensed to: "The dose makes the poison". นี้มักจะย่อ to :"ยาทำให้พิษ"

The relationship between dose and its effects on the exposed organism is of high significance in toxicology. ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณและผลกระทบต่อชีวิตสัมผัสคือความสำคัญสูงในพิษวิทยา The chief criterion regarding the toxicity of a chemical is the dose, ie the amount of exposure to the substance. เกณฑ์หัวหน้าเกี่ยวกับความเป็นพิษของสารเคมีเป็นปริมาณคือปริมาณการเปิดรับสารที่ All substances are toxic under the right conditions. สารทุกสารพิษภายใต้เงื่อนไขด้านขวา The term LD 50 refers to the dose of a toxic substance that kills 50 percent of a test population (typically rats or other surrogates when the test concerns human toxicity). คำ LD 50 หมายถึงโดยทั่วไปจะเป็นยาพิษของสารที่ฆ่าร้อยละ 50 ของประชากรทดสอบ ( หนู หรือ surrogates อื่น ๆ เมื่อกังวลทดสอบความเป็นพิษของมนุษย์) LD 50 estimations in animals are no longer required for regulatory submissions as a part of pre-clinical development package. [ citation needed ] LD 50 ประมาณการในสัตว์ที่ไม่ต้องส่งกำกับดูแลเป็นส่วนหนึ่งของ การพัฒนาทางคลินิก pre - package .

The conventional relationship (more exposure equals higher risk) has been challenged in the study of endocrine disruptors . ความสัมพันธ์ทั่วไป (รับเพิ่มเติมเท่ากับความเสี่ยงสูง) ได้รับการท้าทายในการศึกษา disruptors ต่อมไร้ท่อ

Toxicity of metabolites ความเป็นพิษของสาร
Many substances regarded as poisons are toxic only indirectly. สารจำนวนมากถือว่าเป็นพิษเป็นพิษทางอ้อมเท่านั้น An example is "wood alcohol," or methanol , which is chemically converted to formaldehyde and formic acid in the liver . ตัวอย่างเช่น"แอลกอฮอล์ไม้"หรือ เมทานอล ซึ่งเป็นแปลงทางเคมีเพื่อ ฟอร์มาลดีไฮด์ และ กรด ใน ตับ It is the formaldehyde and formic acid that cause the toxic effects of methanol exposure. เป็นฟอร์มาลดีไฮด์และกรดที่ก่อให้เกิดพิษของเมทานอลรับ As for drugs , many small molecules are made toxic in the liver, a good example being acetaminophen (paracetamol), especially in the presence of chronic alcohol use. สำหรับ ยาเสพติด หลาย โมเลกุลขนาดเล็ก ที่ผลิตสารพิษในตับตัวอย่างที่ดีถูก acetaminophen (paracetamol) โดยเฉพาะในเรื้อรังต่อหน้า แอลกอฮอล์ ใช้ The genetic variability of certain liver enzymes makes the toxicity of many compounds differ between one individual and the next. ความแปรปรวนทางพันธุกรรมของตับบาง เอนไซม์ ทำให้สารพิษหลายแตกต่างกันหนึ่งบุคคลและถัดไป Because demands placed on one liver enzyme can induce activity in another, many molecules become toxic only in combination with others. เพราะต้องการวางเอนไซม์ตับหนึ่งสามารถทำให้เกิดกิจกรรมในอีกหลายโมเลกุลเป็นพิษเท่านั้นร่วมกับผู้อื่น A family of activities that many toxicologists engage includes identifying which liver enzymes convert a molecule into a poison, what are the toxic products of the conversion and under what conditions and in which individuals this conversion takes place. ครอบครัวกิจกรรมที่ toxicologists มากประกอบรวมถึงการระบุที่เอนไซม์ตับแปลงโมเลกุลเป็นพิษเป็นสิ่งที่เป็นพิษของผลิตภัณฑ์และการแปลงสภาพและสิ่งที่บุคคลแปลงนี้จะเกิดขึ้น

Subdisciplines of toxicology ของพิษวิทยา
There are various specialized subdisciplines within the field of toxicology that concern diverse chemical and biological aspects of this area. มี subdisciplines พิเศษต่างๆในด้านพิษวิทยาที่มีสารเคมีที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและลักษณะของพื้นที่นี้ For example, toxicogenomics involves applying molecular profiling approaches to the study of toxicology. Other areas include Aquatic toxicology , Chemical toxicology, Ecotoxicology , Environmental toxicology , Forensic toxicology , and Medical toxicology . ตัวอย่างเช่น toxicogenomics เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีโปรไฟล์โมเลกุลในการศึกษาของพิษวิทยา พื้นที่อื่น ๆ ได้แก่ พิษน้ำ พิษวิทยาเคมี สำหรับสัตว์น้ำแต่ละ , พิษวิทยาสิ่งแวดล้อม , Forensic พิษวิทยา และ พิษวิทยาแพทย์

Chemical toxicology [ เคมีพิษวิทยา]
Chemical toxicology is a scientific discipline involving the study of structure and mechanism related to the toxic effects of chemical agents, and encompasses technology advances in research related to chemical aspects of toxicology. พิษวิทยาของสารเคมีเป็นสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนการศึกษาโครงสร้างและกลไกที่เกี่ยวข้องกับสารพิษผลกระทบของสารเคมีและครอบคลุม เทคโนโลยี ก้าวหน้าในการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านเคมีของพิษวิทยา Research in this area is strongly multidisciplinary, spanning computational chemistry and synthetic chemistry , proteomics and metabolomics , drug discovery , drug metabolism and mechanisms of action, bioinformatics , bio analytical chemistry , chemical biology , and molecular epidemiology . การวิจัยในพื้นที่นี้เป็นอย่างยิ่งสหสาขาวิชาชีพ, spanning เคมีคอมพิวเตอร์ และ เคมีสังเคราะห์ , proteomics และ metabolomics , การค้นพบยา , เผาผลาญยา และกลไกการออกฤทธิ์ ชีวสารสนเทศ , ไบโอ เคมีวิเคราะห์ , ชีววิทยาเคมี และ โมเลกุลระบาดวิทยา

ปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ และสรีรวิทยา2 ภาควิชาเภสัชศาสตร์และสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ชีวเภสัชกรรม


ชีวเภสัชกรรม

(อังกฤษ:Biopharmacy) เป็นกลุ่มวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคและการใช้ยารักษาโรคซึ่งมีสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องดังนี้

1.หลักการเกิดโรค
2.เภสัชกรรมชีวภาพและเภสัชจลนพลศาสตร์
3.เภสัชบำบัด
4.พิษวิทยาเบื้องต้น
5.เภสัชกรรมคลินิกเบื้องต้น
6.ยาปัจจุบันและยาใหม่
7.ปัญหาพิเศษทางเภสัชกรรมคลินิก
8.การตรวจติดตามปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
หลักการเกิดโรค
1.ลักษณะกระบวนวิชามีดังนี้
1.เป็นการศึกษาความผิดปรกติของเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะ หรือ กลุ่มอวัยวะในร่างกาย โดยเน้นการศึกษาสาเหตุการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานและกลไกการเกิดโรค เพื่อสามารถนำไปใช้อธิบายการเกิดโรค
2.หลักการพื้นฐานในการรักษา บรรเทาและป้องกันความผิดปกติในเซลล์เนื้อเยื่อ อวัยวะ หรือกลุ่มอวัยวะในร่างกาย
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1.เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุ การเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน และกลไกการเกิดโรค และ สามารถนำไปใช้อธิบายการเกิดโรคได้
2.เพื่อให้ทราบถึงหลักการพื้นฐานในการรักษา บรรเทา และป้องกันการเกิดโรค
เภสัชกรรมชีวภาพและเภสัชจลนพลศาสตร์
1.ลักษณะกระบวนวิชา เพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจในหลักการ สามารถอธิบายถึงกระบวนการกระจายของยาตลอดจนปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการกระจายยาในร่างกายได้ และเพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องการจับของยากับโปรตีน และผลของการจับของยากับโปรตีนที่มีต่อกระบวนการทางเภสัชพลศาสตร์และเภสัชจลนศาสตร์
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้ คือสามารถ
1.อธิบายถึงความหมายของการกระจายยาและปริมาตรของการกระจาย (Vd) ได้
2.บอกสิ่งกีดขวางทางสรีรวิทยา (Physiological barrier) ในการกระจายตัวของยาได้
3.อธิบายถึงขั้นตอนในการกระจายตัวของยาไปยังเซลล์หรือตำแหน่งที่ยาออกฤทธิ์ได้
4.บอกปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายยาได้
5.อธิบายถึงการจับของยากับโปรตีนได้
6.บอกผลของการจับของยากับโปรตีนต่อกระบวนการทางเภสัชพลศาสตร์และเภสัชจลนศาสตร์ได้
7.บอกถึงปัจจัยที่มีผลต่อการจับของยากับโปรตีนได้
8.บอกถึงการกระจายผ่านโครงสร้างพิเศษ เช่น รก , Blood Brain Barrier ได้
9.บอกถึงการสะสมของยาในเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ได้
10.อธิบายความหมายของ Redistribution ได้
เภสัชบำบัด
1.ลักษณะกระบวนวิชา เกี่ยวข้องกับ
1.อาการและพยาธิของโรคต่างๆ เป้าหมายการรักษา การวางแผนการรักษา การใช้ยาเพื่อบำบัดรักษาโรคตามอาการและพยาธิสภาพของโรคที่พบบ่อย เช่น โรคติดเชื้อ โรคทางเดินอาหาร โรคทางเดินหายใจ โรคความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้นปัญหาที่เกิดจากการใช้ยารวมทั้งแนวทางป้องกันและแก้ไข
2.การรักษาด้วยยา โดยให้มีการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลสำหรับโรคและความผิดปกติของระบบต่างๆในร่างกาย รวมทั้งสาเหตุและกลไกในการเกิดโรค ความผิดปกติของระบบนั้นๆ และกลไกในการออกฤทธิ์ของยาในการรักษาโรค
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1.ให้มีความรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ ที่พบได้บ่อยในโรงพยาบาล การแปลผลค่าทางห้องปฏิบัติการ การเลือกใช้ยา การวางแผนการรักษา และการให้คำแนะนำในการใช้ยา ให้เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย
2.ให้สามารถประเมินปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาในผู้ป่วยแต่ละราย และสามารถค้นคว้าด้วยตนเองเพื่อหาคำตอบ และสามารถนำความรู้ที่ได้มาวางแผนป้องกันหรือหาวิธีในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขี้นในผู้ป่วยแต่ละรายได้
3.เพื่อให้มีความรู้และเข้าใจถึงสาเหตุในการเกิดโรค ความผิดปกติของระบบต่างๆ และกลไกในการออกฤทธิ์ของยา เพื่อให้สามารถนำยาไปใช้รักษาโรคและความผิดปกติของระบบต่างๆได้อย่างสมเหตุสมผล
พิษวิทยาเบื้องต้น
1.ลักษณะกระบวนวิชา เป็นวิชาเกี่ยวกับความเป็นพิษจากยาและสารเคมีอื่นที่พบในชีวิตประจำวัน รวมถึงสารที่พบในสิ่งแวดล้อม กลไกที่เกี่ยวข้องกับการเกิดพิษ อาการแสดงทางคลินิกของการเกิดพิษและวิธีแก้ไขอาการพิษ
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจถึงพิษวิทยาของยา สารเคมี และสารพิษอื่นๆ รวมทั้งทราบถึงกลไกที่เกี่ยวข้องกับการเกิดพิษ อาการแสดงทางคลินิกของการเกิดพิษและวิธีแก้ไขอาการพิษ
เภสัชกรรมคลินิกเบื้องต้น
1.ลักษณะกระบวนวิชา บทบาทและหน้าที่ของเภสัชกรในการให้การบริการทางเภสัชกรรมคลินิกด้านต่างๆ เช่น การบันทึกประวัติการใช้ยา การติดตามและประเมินผลการใช้ยา การติดตามอาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา การแปลผลระดับยาในร่างกาย การให้สารอาหารทางหลอดเลือด เป็นต้น
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้ทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของเภสัชกรในการให้การบริการทางเภสัชกรรมคลินิกด้านต่างๆ
ยาปัจจุบันและยาใหม่
1.ลักษณะกระบวนวิชา การประเมินยาใหม่ โดยการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ จากวารสารหรือเอกสารทางวิชาการต่างๆ แล้วนำมาถกแถลงในเชิงเปรียบเทียบกับยาที่ใช้ในปัจจุบัน ในคุณสมบัติทางเภสัชวิทยา พิษวิทยา ข้อดี ข้อเสีย และการใช้ทางคลินิก
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้สามารถที่จะ
1.ประเมินยาใหม่ประเภทต่างๆ ตามหัวข้อที่กำหนดให้
2.ใช้ยาได้อย่างถูกต้องและมีเหตุผลในผู้ป่วยแต่ละกรณี
3.พัฒนาความสามารถและทัศนคติในการเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้จากทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจากทางบริษัทผู้ผลิตจำหน่าย
4.พัฒนาความสามารถรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการรักษาทางยาแล้วนำมาเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายและชัดแจ้งทั้งในการเขียนและการพูดด้วยความั่นใจ
ปัญหาพิเศษทางเภสัชกรรมคลินิก
1.ลักษณะกระบวนวิชา
1.ฝึกปฏิบัติการดำเนินการวางแผนการวิจัย ขั้นตอนการทำวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล รวมทั้งการนำเสนอผลงาน
2.ปัญหาพิเศษ โดยการค้นคว้าวิจัยด้วยตนเอง ภายใต้การแนะนำดูแลของคณาจารย์ เขียนรายงานส่งพร้อมทั้งเสนอรายงานต่อคณาจารย์
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เมื่อเรียนจบ ผู้เรียนจะสามารถ
1.เพื่อให้สามารถวางแผนการวิจัย ขั้นตอนการทำวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล รวมทั้งการนำเสนอผลงานด้านบริบาลเภสัชกรรม
2.ค้นคว้าและทำวิจัย แก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง
3.สามารถนำความรู้พื้นฐานทางด้านต่างๆ มาประยุกต์ในการค้นคว้าวิจัย
การตรวจติดตามปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
1.ลักษณะกระบวนวิชา ปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ปฏิกิริยาอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา วิธีการติดตามผลอันไม่พึงประสงค์ การบันทึกรวบรวมข้อมูล วิธีการประเมินปฏิกิริยาที่สงสัยว่าจะเกิดจากการใช้ยาวิเคราะห์และประเมินผลลักษณะและชนิดของปฏิกิริยาอันไม่พึงประสงค์
2.วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เมื่อเรียนจบ ผู้เรียนทราบถึงบทบาทและหน้าที่ของเภสัชกรในการดำเนินงานเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ปฏิกิริยาอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา วิธีการติดตามผลอันไม่พึงประสงค์ การบันทึกรวบรวมข้อมูลและการรายงานตามระบบรายงาน วิธีการประเมินปฏิกิริยาที่สงสัยว่าจะเกิดจากการใช้ยา วิเคราะห์และประเมินผลลักษณะและชนิดของปฏิกิริยาอันไม่พึงประสงค์ได้
• กเภสัชกรรม

วิชาในสาขาฯ เภสัชภัณฑ์ • เคมีเภสัชภัณฑ์ • เภสัชวิทยา • จุลชีววิทยา • เคมี • ชีวเคมี • เภสัชพฤกษศาสตร์ • เภสัชวินิจฉัย •เภสัชอุตสาหกรรม • สรีรวิทยา • กายวิภาคศาสตร์ • อาหารเคมี • เภสัชกรรม • นิติเภสัชกรรม • บริหารเภสัชกิจ • เภสัชกรรมคลินิก • เภสัชศาสตร์สังคม • เภสัชกรรมโรงพยาบาล • ปฏิบัติการเภสัชกรรม • เทคโนโลยีเภสัชกรรม • ชีวเภสัชศาสตร์ • เภสัชกรรมชุมชน • พิษวิทยา

สัญลักษณ์ โกร่งบดยา • เรซิพี (℞) • ถ้วยยาไฮเกีย • ถ้วยตวงยา • เฉลว • กากบาทเขียว


เภสัชวิทยา



เภสัชวิทยา


(อังกฤษ: Pharmacology มาจากภาษากรีก pharmacon แปลว่ายา และ logos แปลว่าวิทยาศาสตร์) คือการศึกษาว่าสารเคมีมีปฏิกิริยากับสิ่งมีชีวิตอย่างไร ถ้าสารเหล่านี้มีคุณสมบัติเป็นยา จะถูกจัดให้เป็นเภสัชภัณฑ์ เภสัชวิทยามีเนื้อหาดังนี้

องค์ประกอบของยา (drug composition)
คุณสมบัติของยา (drug properties)
ปฏิกิริยา (interaction)
พิษวิทยา (toxicology)
ผลที่ต้องการใช้รักษาโรค
การพัฒนาเวชภัณฑ์ไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางการแพทย์เท่านั้น ยังมีความหมายต่อเศรษฐกิจ และการเมืองด้วย เพื่อป้องกันผู้บริโภคจากการใช้ยาผิดรัฐบาลส่วนใหญ่จะควบคุมการผลิต การจำหน่ายและการบริหารจัดการเวชภัณฑ์อย่างเข้มงวดในประเทศไทยหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลการใช้ยาคือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีชื่อย่อว่า "อย." ในสหรัฐอเมริกา หน่วยงานนี้เรียก FDA (Food and Drug Administration) สูตรยาที่จะผลิตออกใช้หรือจำหน่ายจ่ายแจกจะต้องไดรับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยานี้ และจัดพิมพ์ในตำรับยาแห่งชาติซึ่งในสหรัฐอเมริกาเรียกว่าUSP ย่อจาก United States Pharmacopeia ประเทศไทยก็ใช้ตำรับยานี้อ้างอิงเช่นกัน


พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
การศึกษาเกี่ยวกับเคมีเวชภัณฑ์ต้องการความรู้อย่างลึกซึ้งว่าสารเคมีเหล่านี้มีผลต่อระบบชีววิทยาทั้งระบบอย่างไร โดยเฉพาะความรู้ทางชีววิทยาของเซลล์ และชีวเคมี ทำให้เกิดความก้าวหน้าและขยายขอบเขตสาขาของเภสัชวิทยามากขึ้น โดยเฉพาะการวิเคราะห์โมเลกุลของของเอนไซม์ เพื่อการออกแบบสารเคมีให้มีผลเฉพาะที่ในระดับโมเลกุล ในมุมมองทางเภสัชวิทยา คุณสมบัติหลายอย่างของยาจะขึ้นกับ

เภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetics)


โดยเฉพาะ
1.ครึ่งชีวิต (half-life) และ
2.ปริมาตรกระจายตัว (volume of distribution) ของยา และ
เภสัชพลศาสตร์ (pharmacodynamics)
1.ยาออกฤทธิ์อย่างไรและส่วนไหนของร่างกาย (mode of action)
2.ยามีพิษอย่างไรและส่วนไหนของร่างกาย (potential toxicity)
เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติเภสัชจลนศาสตร์ (pharmacokinetic) ของยา นักเภสัชวิทยามีหลักในการศึกษาคือดกผข (ADME) :

การดูดซึม ( Absorption) - ยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างไร (ผ่านผิวหนัง ผนังลำไส้ หรือเยื้อบุผนังในช่องปาก) ?
กระจายตัว (Distribution) - ยากระจายตัวในร่างกายอย่างไร?
เผาผลาญ (Metabolism) - ยาถูกเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกายไปเป็นสารประกอบตัวไหน มีฤทธ์อย่างไรและมีพิษหรือไม่อย่างไร?
ขับถ่าย (Excretion) - ยาถูกกำจัดอย่างไร (ทางน้ำดี ปัสสาวะ หรือผิวหนัง) ?
การใช้ยาซึ่งวัดกันที่ขอบเขตความกว้างหรือแคบของการรักษา (therapeutic margin) หรือ (therapeutic window) ในยาที่มีขอบเขตการรักษาแคบจะให้ยาผู้ป่วยยากและต้องการการติดตามการรักษา (therapeutic drug monitoring) อย่างใกล้ชิดเช่น

วาร์ฟาริน (warfarin)
แอนตี้อิพิเลปติก (antiepileptic) บางตัว
อะมิโนไกลโคไซด์ (aminoglycoside)
การจัดแบ่งประเภทยา
ยาสามารถจัดแบ่งได้หลายประเภทเช่น

คุณสมบัติทางเคมี
รูปแบบการให้ยา
ผลต่อระบบชีววิทยา
ระบบจำแนกประเภทยาตามการรักษาทางกายวิภาคศาสตร์ (Anatomical Therapeutic Chemical
Classification System) เป็นที่นิยมใช้กันมาก

ประเภทของเวชภัณฑ์
ยาสำหรับทางเดินอาหาร (gastrointestinal tract) หรือ ระบบย่อยอาหาร
ทางเดินอาหารส่วนบน (Upper digestive tract) :
1.ยาลดกรด (antacid)
2.รีฟลักซ์ สัพเพรสแซนต์ (reflux suppressant)
3.แอนตี้ฟลาตูเลนต์ (antiflatulent)
4.แอนตี้โดพามิเนอร์จิก (antidopaminergic)
5.โปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (proton pump inhibitor)
6.เอช2 รีเซพเตอร์แอนตาโกนิสต์ (H2-receptor antagonist)
7.ไซโตโปรเทคแตนต์ (cytoprotectant)
8.โปรสตาแกลนดิน อานาลอก (prostaglandin analogue)
ทางเดินอาหารส่วนล่าง (Lower digestive tract) :
1.ยาระบาย (laxative)
2.ยาแก้เกร็ง (antispasmodic)
3.ยาแก้ท้องร่วง (antidiarrhoeal)
4.ไบล์แอซิดซีเควสแตนต์ (bile acid sequestrant)
5.โอปิออยด์ (opioid)
ยาสำหรับระบบหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular system)
ทั่วไป (General) :
1.บีตารีเซพเตอร์บล็อกเกอร์ (beta-receptor blocker)
2.แคลเซียมแชนเนลบล็อกเกอร์ (calcium channel blocker)
3.ยาขับปัสสาวะ (diuretic)
4.คาร์ดิแอคไกลโคไซด์ (cardiac glycoside)
5.แอนติอะริทึมมิก (antiarrhythmic)
6.ไนเตรต (nitrate)
7.แอนติอันจินัล (antianginal)
8.วาโสคอนสตริกเตอร์ (vasoconstrictor)
9.วาโสไดเลเตอร์ (vasodilator)
10.เพอริเฟอรัลแอคติเวเตอร์ (peripheral activator)
ยาลดความดัน (Antihypertensive) :
1.เอซีอีอินฮิบิเตอร์ (ACE inhibitor)
2.แองกิโอเทนซินรีเซพเตอร์บล็อกเกอร์ (angiotensin receptor blockers)
3.แอลฟาบล็อกเกอร์ (alpha blocker)
เกี่ยวกับการจับตัวของเลือด (Coagulation) :
1.แอนติโคอะคูเลชั่น (anticoagulant)
2.เฮพาริน (heparin)
3.ยายับยั้งเกล็ดเลือด (antiplatelet drug)
4.ไฟบริโนไลติก (fibrinolytic)
5.แอนติฮีโมฟิลิกแฟคเตอร์ (anti-hemophilic factor)
6.ยาห้ามเลือด (haemostatic drug)
ยาโรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง/ยาคอเลสเตอรอล (Atherosclerosis/cholesterol agents) :
1.ยาลดไขมันในเส้นเลือด (hypolipidaemic agent)
2.สแตติน (statin)
ยาสำหรับระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system)
1.ฮิปโนติก (hypnotic)
2.แอนเอสทิติก (anaesthetics)
3.แอนตี้ไซโคติก (antipsychotic)
4.แอนตี้ดีเปรสแซนต์ (antidepressant) (ประกอบด้วย
1.ไตรไซคลิก แอนติดีเปรสแซนต์ (tricyclic antidepressants)
2.โมโนเอมีน ออกซิเดส อินฮิบิเตอร์ (monoamine oxidase inhibitor)
3.เกลือลิเทียม (lithium salt)
4.สิเลกตีพ เซอโรโทนิน รีอัพเทค อินฮิบิเตอร์ (selective serotonin reuptake inhibitor)) ,
5.แอนตี้ อีมิติก (anti-emetic)
6.แอนตี้คอนวัลแซนต์ (anticonvulsant)
7.แอนตี้อีพิเลปติก (antiepileptic)
8.แอนซิโอไลติก (anxiolytic)
9.บาร์บิทูเรต (barbiturate)
10.มูพเมนต์ ดีสออเดอร์ (movement disorder drug)
11.ยากระตุ้น (stimulant) (ประกอบด้วย
1.แอมเฟตามีน (amphetamine)) ,
12.เบนโซไดอซิปีน (benzodiazepine)
13.ไซโคไพโรโลน (cyclopyrrolone)
14.โดพามีน แอนตาโกนิสต์ (dopamine antagonist)
15.แอนตี้ฮีสตามีน (antihistamine)
16.คอลิเนอร์จิก (cholinergic)
17.แอนตี้คอลิเนอร์จิก (anticholinergic)
18.อิมิติก (emetic)
19.แคนนาบินอยดส์ (cannabinoids)
20.5-เอชที แอนตาโกนิสต์ (5-HT antagonist)
ยาสลบ และยาระงับปวด (Analgesic & Anesthetic drugs)
1.ยาระงับปวด (analgesic) (ประกอบด้วย
1.อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen)
2.ยาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์ (NSAID)
3.โอปิออยด์ (opioid)
2.ยาชาเฉพาะที่ (local anesthetic)
3.ยาสลบ (general anaesthetic)
4.ยากดประสาท หรือสงบระงับ (sedative)
5.ยารักษาไมเกรน (migraine treatment drug)
ยาสำหรับระงับปวดกล้ามเนื้อ (Muscular system) และโครงสร้าง(Skeleton)
1.เอ็นเซด (NSAID) ,
2.ยาคลายกล้ามเนื้อ (muscle relaxant)
3.ยานิวโรมัสคูลาร์ (neuromuscular drug)
4.แอนตี้คอลิเนสเตอเรส (anticholinesterase)
ยาสำหรับโรคตา
ทั่วไป (General) :
1.อะดรีเนอร์จิก นิวโรน บล็อกเกอร์ (adrenergic neurone blocker)
2.แอสตริงเจนต์ (astringent)
3.ออกคูลาร์ ลูบริแคนต์ (ocular lubricant)
ไดแอกโนสติก (Diagnostic) :
1.ทอปิคอล อะเนสทีติก (topical anesthetics)
2.ซิมแพโทมิเมติก (sympathomimetic)
3.พาราซิมแพโทมิเมติก (parasympatholytic)
4.ไมดริเอติก (mydriatic)
5.ไซโคลพลิจิก (cycloplegic)
แอนติ-แบคทีเรียล (Anti-bacterial) :
1.ยาปฏิชีวนะ (antibiotic)
2.ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ (topical antibiotic)
3.ยาซัลฟา (sulfa drugs)
4.อะมิโนไกลโคไซด์ (aminoglycosides)
5.ฟลูออโรควิโนโลน (fluoroquinolones)
ยาต้านไวรัส (Anti-viral) :
ยาต้านเชื้อรา (Anti-fungal) :
1.อิมิดาโซล (imidazole)
2.พอลิอีน (polyene)
ยาต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) :
1.เอ็นเซด (NSAID)
2.คอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids)
แอนติ-อัลเลอร์จี (Anti-allergy) :
1.แมสต์เซลล์ อินฮิบิเตอร์ (mast cell inhibitors)
แอนติ-กลอโคมา (Anti-glaucoma) :
1.อะดรีเนอร์จิก อะโกนิสต์ (adrenergic agonist)
2.บีต้า-บ๊ลอคเกอร์ (beta-blocker)
3.คาร์บอนิก แอนไฮเดรส อินฮิบิเตอร์ (carbonic anhydrase inhibitor)/ไฮเปอร์ออสโมติก (hyperosmotic)
4.คอลิเนอร์จิก (cholinergic)
5.ไมโอติก (miotic)
6.พาราซิมแพโทมิเมติก (parasympathomimetic)
7.โปรสตาแกลนดิน อะโกนิสต์ (prostaglandin agonists)/โปรสตาแกลนดิน อินฮิบิเตอร์ (prostaglandin inhibitor)
8.ไนโตรกลีเซอรีน (nitroglycerin)
ยาสำหรับหูคอจมูก
1.ซิมแพโทมิเมติก (sympathomimetic)
2.แอนตี้ฮีสตามีน (antihistamine)
3.แอนตี้คอลิเนอร์จิก (anticholinergic)
4.เอ็นเซด (NSAID)
5.สเตอรอยด์ (steroid)
6.ยาฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ (antiseptic)
7.ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ (local anesthetic)
8.ยาต้านเชื้อรา (antifungal)
9.ซีรูมิโนไลติก (cerumenolytic)
[แก้] ยาสำหรับระบบทางเดินหายใจ (respiratory system)
1.บรองโคไดเลเตอร์ (bronchodilator)
2.เอ็นเซด (NSAID)
3.แอนตี้-อัลเลอร์จิก (anti-allergic)
4.ยาแก้ไอ (antitussive)
5.มิวโคไลติก (mucolytic)
6.ดีคอนเจสแตนท์ (decongestant)
7.คอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroid)
8.บีต้า-รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ (beta-receptor antagonist)
9.แอนตี้คอลิเนอร์จิก (anticholinergic)
10.สเตอรอยด์ (steroid)
ยารักษาโรคต่อมไร้ท่อ (endocrine)
1.แอนโดรเจน (androgen)
2.แอนตี้แอนโดรเจน (antiandrogen)
3.กอแนโดโทรปิน (gonadotropin)
4.คอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroid)
5.โกรว์ท ฮอร์โมน (growth hormone)
6.อินสุลิน (insulin)
7.แอนตี้ไดอะเบติก (antidiabetic)
1.ซัลโฟนิลยูเรีย (sulfonylurea)
2.ไบกูอะไนด์ (biguanide)/เมตฟอร์มิน (metformin)
3.ไทอะโซลิดีนไดโอน (thiazolidinedione)
4.อินสุลิน (insulin)
8.ไทรอยด์ ฮอร์โมน (thyroid hormone)
9.ยาแอนติไทรอยด์ (antithyroid drug)
10.แคลซิโตนิน (calcitonin)
11.ไดฟอสโพเนต (diphosponate)
12.วาโสเพรสซิน อะนาล๊อก (vasopressin analogue)
ยาสำหรับระบบสืบพันธ์ (reproductive system) หรือทางเดินปัสสาวะ (urinary system)
1.ยาต้านเชื้อรา (antifungal)
2.อัลคาลิซิง เอเจนต์ (alkalising agent)
3.ควิโนโลน (quinolones)
4.ยาปฏิชีวนะ (antibiotic)
5.โคลิเนอร์จิก (cholinergic)
6.แอนติโคลิเนอร์จิก (anticholinergic)
7.แอนตี้คอลิเนสเตอเรส (anticholinesterase)
8.ยาแก้เกร็ง (antispasmodic)
9.5-แอลฟา รีดักเทส อินฮิบิเตอร์ (5-alpha reductase inhibitor)
10.ซีเลกทีพ แอลฟา-1 บล็อกเกอร์ (selective alpha-1 blocker)
11.ซิลเดนาฟิล (sildenafil)
ยาคุมกำเนิด (contraception)
1.คอนทราเซปตีพ (contraceptive)
2.ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (oral contraceptives)
3.ยาฆ่าอสุจิ (spermicide)
4.ดีโป คอนทราเซปตีพ (depot contraceptives)
ยาสำหรับโรคอ้วนและการเจริญเติบโต (obstetrics and gynaecology)
1.เอ็นเซด (NSAID)
2.แอนติคอลิเนอร์จิก (anticholinergic)
3.ยาห้ามเลือด (haemostatic drug)
4.แอนติไฟบริโนไลติก (antifibrinolytic)
5.การรักษาด้วยการแทนที่ฮอร์โมน (Hormone Replacement Therapy)
6.ยาควบคุมกระดูก (bone regulator)
7.บีต้า-รีเซพเตอร์ อะโกนิสต์ (beta-receptor agonist)
8.ฟอลลิเคิล สติมูเลติง ฮอร์โมน (follicle stimulating hormone)
9.ลูทีอีไนซิง ฮอร์โมน (luteinising hormone)
10.แอลเอชอาร์เอช (LHRH)
11.กาโมลินิก แอซิด (gamolenic acid)
12.กอแนโดโทรปิน รีลีส อินฮิบิเตอร์ (gonadotropin release inhibitor)
13.โปรเจสโตเจน (progestogen)
14.ดอพามีน อะโกนิสต์ (dopamine agonist)
15.เอสโตรเจน (estrogen)
16.โปรสตาแกนดิน (prostaglandin)
17.กอแนโดรีลิน (gonadorelin)
18.คลอมิฟีน (clomiphene)
19.ทามอกซิเฟน (tamoxifen)
20.ไดอีทิลสติลเบสตรอล (Diethylstilbestrol)
ยารักษาโรคผิวหนัง
1.อีโมลเลียนต์ (emollient)
2.แอนติพรูริติก (antipruritic)
3.ยาต้านเชื้อรา (antifungal)
4.ยาฆ่าเชื้อโรค (disinfectant)
5.สคาบิไซด์ (scabicide)
6.ยาฆ่าเหาหรือหมัด (pediculicide)
7.ผลิตภัณฑ์ทาร์ (tar products)
8.ไวตามิน เอ ดีริวาตีพ (vitamin A derivatives)
9.ไวตามิน ดี อานาลอก (vitamin D analogue)
10.เคอราโตไลติก (keratolytic)
11.สารขัดถู (abrasive)
12.ยาปฏิชีวนะระบบเลือด (systemic antibiotic)
13.ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ (topical antibiotic)
14.ฮอร์โมน (hormone)
15.ดีสเลาซิ่ง เอเจนต์ (desloughing agent)
16.เอ็กซูเดต แอบซอร์บเบนต์ (exudate absorbent)
17.ไฟบริโนไลติก (fibrinolytic)
18.โปรติโอไลติก (proteolytic)
19.สารกันแดด (sunscreen)
20.ยาลดการขับเหงื่อ (antiperspirant)
ยารักษาโรคติดเชื้อ (infections and infestations)
1.ยาปฏิชีวนะ (antibiotic)
2.ยาต้านเชื้อรา (antifungal)
3.แอนติเลปรอติก (antileprotic)
4.ยาต้านวัณโรค (antituberculous drug)
5.ยาต้านเชื้อมาเลเรีย (antimalarial)
6.ยาฆ่าหรือขับพยาธิ (anthelmintic)
7.อะโมอีบิไซด์ (amoebicide)
8.ยาต้านไวรัส (antiviral)
9.ยาต้านเชื้อโปรโตซัว (antiprotozoal)
10.แอนติซีรัม (antiserum)
ยารักษาโรคภูมิคุ้มกัน (immunology)
1.วัคซีน (vaccine)
2.อิมมูโนกลอบูลิน (immunoglobulin)
3.อิมมูโนซัพเพรสแซนต์ (immunosuppressant)
4.อินเตอร์เฟอรอน (interferon)
5.โมโนโคลนัล แอนติบอดี้ (monoclonal antibody)
ยารักษาโรคภูมิแพ้ภูมิแพ้ (Allergy)
1.แอนติ-อัลเลอรจิก (anti-allergic)
2.แอนติฮีสตามีน (antihistamine)
3.เอ็นเซด (NSAID)
อาหารเสริม (nutrition)
1.ยาเจริญอาหาร (tonic)
2.ตำรับเหล็ก (iron preparation)
3.อีเล็กโตรไลต์ (electrolyte)
4.พาเรนเตอรัล นิวตริชนัล ซัพพลิเมนต์ (parenteral nutritional supplement)
5.ไวตามิน (vitamin)
6.ยาลดความอ้วน (anti-obesity drug)
7.ยาอะนาโบลิก (anabolic drug)
8.ยาฮีมาโตพอยอีติก (haematopoietic drug)
9.ผลิตภัณฑ์อาหาร (food product drug)
ยาต้านมะเร็ง (neoplastic)
1.ยาไซโตทอกซิก (cytotoxic drug)
2.ฮอร์โมนเพศ (sex hormone)
3.อะโรมาเตส อินฮิบิเตอร์ (aromatase inhibitor)
4.โซมาโตสแตติน อินฮิบิเตอร์ (somatostatin inhibitor)
5.recombinant อินเตอร์ลิวคิน (interleukin)
6.G-CSF (Granulocyte-colony stimulating factor)
ยาสำหรับตรวจวินิจฉัย (diagnostics)
1.คอนทราสต์ มีเดีย (contrast media)
ยาสำหรับการทำให้ตายอย่างไม่ทรมาน
1.ยูทานาเซีย (euthanasia)
2.บาร์บิทูเรต (Barbiturate)